
หลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ หลายคนมักคิดว่าภัยได้ผ่านไปแล้ว แต่ในความจริง กลับมี “อาฟเตอร์ช็อก” ตามมาอีกเป็นชุด และบางครั้งก็รุนแรงจนสร้างความเสียหายได้มากพอ ๆ กับเหตุการณ์แรก บทความนี้จะพาไปรู้จักกับอาฟเตอร์ช็อก ว่ามันคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะรับมือกับมันได้ยังไง
1.อาฟเตอร์ช็อกคืออะไร?
- อาฟเตอร์ช็อก (Aftershock) คือแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นตามหลังแผ่นดินไหวหลัก (Mainshock)
- มักเกิดจากการที่เปลือกโลกยังปรับตัวไม่เสร็จหลังแรงกระแทกใหญ่
- เกิดในพื้นที่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวเดิม และอาจกินเวลาหลายวัน ถึงหลายเดือน หรือแม้แต่เป็นปี
2.อาฟเตอร์ช็อกอันตรายแค่ไหน?
- แม้ขนาดจะเล็กกว่าแผ่นดินไหวหลัก แต่ก็สามารถ ทำให้อาคารที่เสียหายอยู่แล้วถล่มลงมาได้
- ทำให้โครงสร้างพื้นฐาน เช่น สะพาน ถนน หรือสายไฟฟ้าเสียหายมากขึ้น
- ส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้รอดชีวิต เช่น ความเครียด วิตกกังวล หรือ PTSD
- หากเกิดในทะเล อาจกระตุ้นให้เกิด สึนามิซ้ำซ้อน ได้ (แม้โอกาสน้อย)
3.อาฟเตอร์ช็อกเกิดบ่อยแค่ไหน?
- โดยเฉลี่ย แผ่นดินไหวขนาด 7.0 อาจมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาได้เป็น หลักร้อยครั้ง
- ขนาดของอาฟเตอร์ช็อกจะลดลงตามเวลา แต่ขนาด 5.0–6.0 ยังคงสร้างความเสียหายได้
- ในบางกรณี อาฟเตอร์ช็อกสามารถใหญ่กว่า Mainshock ได้ ซึ่งจะเปลี่ยนสถานะ Mainshock เดิมให้กลายเป็น “foreshock”
4.เรารู้อาฟเตอร์ช็อกล่วงหน้าได้ไหม?
- ปัจจุบันยัง ไม่สามารถทำนายเวลาหรือขนาดของอาฟเตอร์ช็อกได้แม่นยำ
- แต่สามารถใช้แบบจำลองทางสถิติ เช่น Omori’s Law เพื่อประมาณจำนวนและความถี่ที่อาจเกิด
5.วิธีป้องกันและเตรียมตัวรับมืออาฟเตอร์ช็อก
- อย่ารีบกลับเข้าอาคาร แม้จะดูปลอดภัยหลังเหตุการณ์แรก
- อยู่ห่างจากสิ่งของที่อาจล้ม เช่น ชั้นวางของ เสาไฟ ป้ายโฆษณา
- เตรียม กระเป๋าฉุกเฉิน (Go Bag) ที่มีน้ำ อาหาร ยา และไฟฉาย
- หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ควร ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ อย่างใกล้ชิด
สรุป
อาฟเตอร์ช็อกไม่ใช่แค่ “แรงสั่นเบา ๆ” ที่มาทีหลัง แต่มันคืออันตรายที่ร้ายแรงและควรให้ความสำคัญไม่แพ้แผ่นดินไหวหลัก การรู้จัก เตรียมตัว และไม่ประมาทคือสิ่งที่จะช่วยลดความเสียหายได้มากที่สุด
หากเคยผ่านแผ่นดินไหวมาแล้ว อย่าชะล่าใจว่าเหตุการณ์มันจบลง เพราะอาฟเตอร์ช็อกอาจกำลังมาเยือนเมื่อไรก็ได้ และบางครั้ง… มันอาจจะไม่ใช่แค่ “ช็อกเล็ก ๆ” เท่านั้น