ผู้ชายต้องฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกไหม? และวิธีดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงต่อคู่ของตัวเอง

ผู้ชายต้องฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกไหม? และวิธีดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงต่อคู่ของตัวเอง

ผู้ชายเกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูกมากกว่าที่คิด

หลายคนอาจเข้าใจว่า “มะเร็งปากมดลูก” เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ผู้ชายก็มีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงของโรคนี้ โดยเฉพาะผ่านการป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก

คำถามที่พบบ่อยคือ “ผู้ชายต้องฉีดวัคซีน HPV ไหม?” และผู้ชายควรดูแลสุขภาพทางเพศอย่างไรเพื่อช่วยลดความเสี่ยงให้กับตัวเองและคู่ของตัวเอง?


1. ผู้ชายควรฉีดวัคซีน HPV ไหม?

คำตอบคือ “ควร” เพราะแม้ว่าผู้ชายจะไม่มีปากมดลูก แต่ผู้ชายก็สามารถติดเชื้อ HPV และ เป็นพาหะส่งต่อเชื้อให้กับคู่ของตัวเองได้ ผ่านการมีเพศสัมพันธ์

นอกจากนี้ HPV ยังเป็นสาเหตุของโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ชาย เช่น:

  • มะเร็งองคชาต
  • มะเร็งทวารหนัก
  • มะเร็งคอหอย
  • หูดหงอนไก่

วัคซีน HPV จึงมีประโยชน์ทั้งในแง่การป้องกันโรคในตัวผู้ชายเอง และช่วยลดการแพร่เชื้อไปยังคู่ของตัวเอง โดยเฉพาะคู่ที่เป็นผู้หญิงซึ่งมีความเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก


2. ผู้ชายควรฉีดวัคซีนเมื่อไหร่?
  • ช่วงอายุที่แนะนำสำหรับผู้ชายคือ 9-26 ปี แต่ในหลายประเทศแนะนำให้ฉีดตั้งแต่อายุ 9-14 ปี
  • สำหรับผู้ชายที่อายุเกิน 26 ปี ยังสามารถฉีดได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
  • การฉีดก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก จะให้ประสิทธิภาพสูงสุด แต่ถึงแม้จะมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว การฉีดวัคซีนก็ยังช่วยลดความเสี่ยงจากสายพันธุ์ HPV ที่ยังไม่ติดเชื้อได้

3. ทำไมการฉีดวัคซีน HPV ถึงช่วยลดความเสี่ยงให้คู่ของตัวเอง
  • ผู้ชายที่ติดเชื้อ HPV สามารถส่งต่อเชื้อไปยังผู้หญิงได้ โดยไม่แสดงอาการ
  • การลดการแพร่กระจายของเชื้อในผู้ชาย ช่วยลดจำนวนผู้หญิงที่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก
  • เป็นการช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ให้กับสังคม เพราะเมื่อมีผู้ได้รับวัคซีนมากขึ้น โอกาสที่เชื้อ HPV จะแพร่กระจายก็จะลดลง

4. นอกจากฉีดวัคซีนแล้ว ผู้ชายควรดูแลตัวเองอย่างไร?

ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
แม้ว่าถุงยางจะไม่สามารถป้องกัน HPV ได้ 100% แต่ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อ รวมถึงลดความเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ

ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ
โดยเฉพาะหากมีคู่นอนหลายคน หรือมีความเสี่ยงสูง ควรตรวจหาเชื้อ HPV หรือโรคติดต่ออื่น ๆ เป็นประจำ

หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง

  • ลดการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะมีงานวิจัยชี้ว่าสัมพันธ์กับความเสี่ยงของการติดเชื้อ HPV เรื้อรัง
  • ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพราะภูมิคุ้มกันที่ดีช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อน

พูดคุยเรื่องสุขภาพทางเพศกับคู่ของตัวเองอย่างเปิดใจ
ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายดูแลสุขภาพร่วมกันอย่างมีความเข้าใจ และพร้อมป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้น


สรุป: ผู้ชายมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูก

แม้มะเร็งปากมดลูกจะเป็นโรคของผู้หญิง แต่ผู้ชายเองก็มีส่วนช่วยในการป้องกันได้ผ่านการ ฉีดวัคซีน HPV และการดูแลสุขภาพทางเพศอย่างถูกวิธี การป้องกันตั้งแต่ต้น ไม่เพียงช่วยดูแลสุขภาพของตัวเอง แต่ยังเป็นการดูแลคู่ของตัวเองอย่างใส่ใจอีกด้วย