
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก คืออะไร?
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัคซีน HPV เป็นวัคซีนที่ใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ มะเร็งปากมดลูก รวมถึงโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสนี้ เช่น มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก และหูดหงอนไก่
แม้ว่าจะไม่ได้ป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ 100% แต่สามารถลดความเสี่ยงลงได้อย่างมาก หากฉีดในช่วงเวลาที่เหมาะสมและยังไม่เคยสัมผัสเชื้อ HPV มาก่อน
1. วัคซีน HPV มีกี่ชนิด?
วัคซีน HPV ที่ใช้กันในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่:
-
วัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์ (Cervarix)
ป้องกัน HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก -
วัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ (Gardasil 4)
ป้องกัน HPV สายพันธุ์ 6, 11, 16 และ 18 ซึ่งครอบคลุมทั้งมะเร็งปากมดลูกและหูดหงอนไก่ -
วัคซีนชนิด 9 สายพันธุ์ (Gardasil 9)
ป้องกัน HPV สายพันธุ์ 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58 ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงได้มากกว่าเดิม
2. ใครควรได้รับวัคซีน HPV?
- เด็กหญิงและเด็กชายอายุ 9-14 ปี ถือเป็นช่วงที่แนะนำมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายตอบสนองต่อวัคซีนได้ดีที่สุด และยังไม่เริ่มมีเพศสัมพันธ์
- ผู้หญิงอายุ 15-26 ปี ยังสามารถรับวัคซีนได้แม้จะเริ่มมีเพศสัมพันธ์แล้ว แต่ประสิทธิภาพจะลดลงหากเคยได้รับเชื้อ HPV มาก่อน
- ผู้ชายก็สามารถฉีดวัคซีน HPV ได้ เพื่อป้องกันหูดหงอนไก่และมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับ HPV เช่น มะเร็งทวารหนัก
3. ฉีดวัคซีน HPV ต้องฉีดกี่เข็ม?
- สำหรับเด็กอายุ 9-14 ปี : ฉีด 2 เข็ม โดยเว้นระยะห่างกันประมาณ 6-12 เดือน
- สำหรับอายุ 15 ปีขึ้นไป : แนะนำให้ฉีด 3 เข็ม ภายในระยะเวลา 6 เดือน
4. วัคซีน HPV ป้องกันอะไรได้บ้าง?
- ลดความเสี่ยงในการเกิด มะเร็งปากมดลูก ได้สูงถึง 70-90%
- ลดโอกาสในการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิด หูดหงอนไก่ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
- ช่วยลดอัตราการเกิด มะเร็งที่เกี่ยวข้องกับ HPV เช่น มะเร็งช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งคอหอยบางชนิด
5. หลังฉีดวัคซีน HPV ยังต้องตรวจคัดกรองไหม?
แม้ว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก แต่ยังคงต้อง ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap smear หรือ HPV DNA test) เป็นประจำ เนื่องจากวัคซีนไม่สามารถป้องกันเชื้อ HPV ได้ทุกสายพันธุ์
6. ผลข้างเคียงจากวัคซีน HPV
วัคซีน HPV ถือว่ามีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น:
- ปวด บวม หรือแดงบริเวณที่ฉีด
- อาการไข้ต่ำ ๆ หรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- เวียนศีรษะ หรือเป็นลมเล็กน้อยในบางราย
หากมีอาการรุนแรงหรือแพ้วัคซีน ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
สรุป: วัคซีน HPV คือเกราะป้องกันสำคัญของสุขภาพทางเพศ
การฉีดวัคซีน HPV เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคที่ร้ายแรงอย่างมะเร็งปากมดลูก รวมถึงโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเชื้อ HPV การป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงของโรค แต่ยังช่วยให้ใช้ชีวิตอย่างมั่นใจและมีสุขภาพดีในระยะยาว
รัฐบาลเชิญฉีดวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกฟรี เปิดให้บริการทั่วประเทศถึงเดือนเมษายนนี้