
มะเร็งปากมดลูก: โรคใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม
มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิงทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา แม้จะเป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาได้ถ้าตรวจเจอในระยะเริ่มต้น แต่หลายคนกลับละเลยการตรวจสุขภาพประจำปี หรือไม่รู้ว่าโรคนี้เกิดจากอะไร และส่งผลอย่างไรกับร่างกาย
บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูกมากขึ้น พร้อมแนะนำวิธีการป้องกันที่ทำได้ไม่ยาก
1. มะเร็งปากมดลูกคืออะไร?
มะเร็งปากมดลูก คือการที่เซลล์บริเวณปากมดลูกเกิดการเปลี่ยนแปลงและแบ่งตัวผิดปกติ จนกลายเป็นเนื้อร้ายที่อาจลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงหรือกระจายไปยังอวัยวะอื่นได้
บริเวณปากมดลูกเป็นช่องทางที่เชื่อมระหว่างช่องคลอดกับมดลูก ซึ่งหากเกิดการติดเชื้อหรือมีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ผิดปกติ จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในส่วนนี้
2. สาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก
- เกิดจากเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- มีเชื้อ HPV หลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกคือสายพันธุ์ 16 และ 18
- ผู้หญิงส่วนใหญ่อาจติดเชื้อ HPV โดยไม่รู้ตัว เพราะเชื้ออาจไม่แสดงอาการ แต่สามารถทำให้เซลล์ผิดปกติในระยะยาว
3. ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งปากมดลูก
- มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
- เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือมีคู่นอนหลายคน
- ไม่ใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์
- สูบบุหรี่
- ภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ที่ติดเชื้อ HIV หรือใช้ยากดภูมิ
4. อาการที่ควรระวัง
มะเร็งปากมดลูกระยะแรกมักไม่แสดงอาการ แต่เมื่อเข้าสู่ระยะที่โรคลุกลามแล้ว อาจมีอาการดังนี้:
- ตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นแรง หรือมีเลือดปน
- เลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด เช่น เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือเลือดออกระหว่างรอบเดือน
- ปวดท้องน้อยเรื้อรัง หรือปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
- มีเลือดออกในสตรีวัยหมดประจำเดือน
5. การตรวจคัดกรองและวินิจฉัย
- การตรวจ Pap smear หรือ Thin Prep ช่วยตรวจหาความผิดปกติของเซลล์บริเวณปากมดลูก
- การตรวจ HPV DNA ใช้ตรวจหาเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง
- การตรวจโดยแพทย์เฉพาะทาง เมื่อพบความผิดปกติ อาจต้องทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้อง Colposcopy หรือการตัดชิ้นเนื้อ
6. วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูก
- ฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่อายุยังน้อย หรือก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ แม้จะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ช่วยลดความเสี่ยงได้
- ตรวจคัดกรองเป็นประจำทุกปี หรืออย่างน้อยทุก 3 ปี ตามคำแนะนำของแพทย์
- งดสูบบุหรี่และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
สรุป: มะเร็งปากมดลูกป้องกันได้ หากใส่ใจและตรวจเช็คเป็นประจำ
มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการฉีดวัคซีน HPV และตรวจคัดกรองสุขภาพสม่ำเสมอ การใส่ใจสุขภาพทางเพศไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคนี้ แต่ยังช่วยให้ผู้หญิงทุกคนมีชีวิตที่มั่นใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น